โดยแผนกที่แยกออกมาของทั้ง 3 บริษัทจะรวมกันเป็นบริษัทใหม่ในชื่อ 'เจแปน ดิสเพลย์' เริ่มดำเนินกิจการได้ก่อนกลางปี 2555 และมีอินโนเวชั่น เน็ตเวิร์ก บริษัทที่ได้รับการหนุนหลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นถือหุ้น 70% หลังจากลงเงินทุน 2 แสนล้านเยน หรือราว 7.8 หมื่นล้านบาท ส่วนหุ้นอีก 30% จะแบ่งกันระหว่าง 3 บริษัทดังกล่าว
ผลจากการผนึกทีมนี้จะนำไปสู่บริษัทผู้ผลิตจอแอลซีดีสำหรับโทรศัพท์มือถือและกล้องถ่ายรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่บริษัทจากแดนปลาดิบแข่งขันแย่งตลาดกับซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์จากเกาหลีใต้และไชเหมย อินโนลักซ์จากไต้หวันในตลาดแอลซีดีสำหรับโทรทัศน์ซึ่งมีมูลค่าตลาดมากกว่า
ทั้งนี้ โซนี่และฮิตาชิไม่มีกำไรในธุรกิจนี้ ส่วนโตชิบาขาดทุนเมื่อปีบัญชีที่แล้ว
ด้านโฮเวิร์ด สติงเกอร์ ซีอีโอของโซนี่ ระบุว่า การร่วมมือกันในครั้งนี้ จะส่งผลกระทบทางบวกต่อการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตจอแอลซีดีขนาดกลางและขนาดเล็ก อันเนื่องมาจากการขยายตัวของตลาดสมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต
ทางด้านยูอิชิ อิชิดะ นักวิเคราะห์จากมิซูโฮะ อินเวสเตอร์ ซีเคียวริตีส์มองว่า สำหรับบริษัททั้ง 3 แห่งนี้ การลงทุนต่อไปจะกลายเป็นภาระหนักและเป็นการยากที่พวกเขาจะยังคงแข่งขันได้ด้วยตัวเอง นี่อาจจะเป็นแผนการของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นบทบาทของผู้ผลิตจากญี่ปุ่นในตลาดโลก
ขณะที่นายฮารูโอะ ซาโตะ แห่งสำนักวิจัยโตเกียวโตไก วิเคราะห์คล้ายคลึงกับนายอิชิดะ โดยกล่าวว่า ด้วยภาวะเงินเยนแข็งตัวในปัจจุบัน จึงเป็นเรื่องยากที่บริษัทใดจะครองตลาดได้แบบเด็ดขาดแต่เพียงบริษัทเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น