วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

จากเงินเพียง 10,000 บาท กลายเป็นเงิน 10,000 ล้านได้อย่างไงกัน......


ฉวีวรรณ คำพา จากเด็กสาวชาวสีชัง สู่ผู้ผลิตและส่งออกไก่ทั่วโลก


"แม่เป็นคนที่มาจากครอบครัวชาวบ้าน และเชื่อถือเรื่องลิขิตของดวงดาว การมีคุณธรรม จริยธรรม ที่สำคัญแม่เป็นคนเคร่งครัดในศาสนา ก็เลยไม่ซีเรียสกับชีวิต จึงเป็นคนที่มีความสุข รู้จักแก้ปัญหา..ด้วยปัญญา "

คอลัมน์ "เมืองชลคนเก่ง " ฉบับวันแม่แห่งชาติ ได้รับเกียรติอย่างมากจากนักธุรกิจหญิงหมื่นล้าน ที่ปัจจุบันเป็นทั้งผู้ผลิตและส่งออกไก่ครบวงจรไปยังหลายประเทศทั่วโลกภายใต้ชื่อ "ฉวีวรรณ กรุ๊ป " ในวันนี้ท่าน ไม่เพียงแต่เป็นนักธุรกิจแถวหน้าของประเทศที่ประสบผลสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ โดยมียอดส่งออกเนื้อไก่สุกไปทั่วโลกมากเป็นอันดับต้นของประเทศ ในบทบาทของนายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ยังทำให้ท่านต้องเข้าร่วมประชุมกับหลายหน่วยงานของรัฐ เพื่อผลักดันให้ไก่ดิบจากไทยได้มีโอกาสเปิดตลาดในต่างประเทศอีกครั้ง หลังต้องประ สบปัญหาด้านการตลาดจากเหตุการณ์ไข้หวัดนกเมื่อปีที่ผ่านมาจนทำให้ตลาดหลักชะ ลอคำสั่งซื้อ

และด้วยความที่ท่านต้องเดินทางไปมาระหว่างประเทศไทยกับประเทศคู่ค้าทั่วโลก ประกอบกับต้องเข้าร่วมประชุมกับหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้การนัดหมายเพื่อข้อสัมภาษณ์ในหลายครั้งไม่ประสบผลสำเร็จ และเมื่อสบโอกาสช่วงเดือนแห่งวันแม่ เราจึงไม่รอช้าที่จะเชื้อเชิญท่านมาพูดคุยถึงการดำเนินธุรกิจ และการเลี้ยงดูบุตรที่ส่งไปร่ำเรียนต่างประเทศตั้งแต่เยาวัย "ฉวีวรรณ คำพา " คือบุคคลที่เราเอ่ยถึง

น้อยคนนักที่จะรู้ว่านักุธุรกิจหญิงหมื่นล้านผู้นี้ เป็นชาวน้ำเค็มโดยกำเนิด ท่านเกิดจากครอบครัวชาวประมงฐานะปานกลางในเขตอำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี เมื่อเติบใหญ่ได้เข้ามาศึกษาต่อในตัวเมืองและประกอบอาชีพแม่พิมพ์ของชาติ ประสิทธิประศาสตร์ความรู้ให้กับนักเรียนในโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา ต่อมาพบรักกับคุณสมพงษ์ คำพา ซึ่งประกอบอาชีพค้าที่ดินและเมื่อแต่งงานมีครอบครัวก็ยังคงยึดอาชีพแม่พิมพ์ของชาติควบคู่ไปกับการช่วยสามีทำธุรกิจซื้อ-ขายที่ดิน ที่เมื่อย้อนหลังไปเมื่อ 40 ปีก่อนรา คาที่ดินในจังหวัดยังถูกมาก การซื้อที่ดินเก็บไว้เพื่อขายต่อจึงประสบผลสำเร็จ เมื่อภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมขยายตัวเข้ามาในพื้นที่

กำเนิดธุรกิจฟาร์มเลี้ยงไก่เจ้าแรก
ในช่วงที่เป็นครูสอนหนังสือที่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา ท่านต้องควบคุมระบบโภชนาการภายในโรงครัว รวมทั้งดูแลเรื่องอาหารกลางวันสำหรับนักเรียน ภารกิจนี้เองทำให้เห็นว่าความต้องการใช้ไข่ไก่และเนื้อไก่สำหรับประกอบอาหารในแต่ละวันมีจำนวนมาก จึงมีความคิดที่จะสร้างฟาร์มเลี้ยงไก่ของตนเองเพื่อเป็นวัตถุดิบป้อนให้กับโรงอา หาร ประมาณปี 2528 จึงเริ่มสร้างฟาร์มเลี้ยงไก่ขนาด 2 พันตัวในเขตตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชาและถือเป็นฟาร์มไก่ขนาดใหญ่เจ้าแรกของจังหวัด ผลจากการประสบความสำเร็จด้านการเลี้ยงไก่ทำให้ต้องลาออกจากการเป็นครู เพื่อดำเนินธุรกิจเต็มรูปแบบและเริ่มก่อตั้งบริษัท ฉวีวรรณฟาร์ม จำกัด จนสามารถขยายฟาร์มเลี้ยงไก่ไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศทั้งในจังหวัดนครสวรรค์ พิษณุโลก จังหวัดในภาคตะวันออกฯลฯ และยังตั้งบริษัท ซี.เอฟ.แฮทเชอรี่ จำกัด บริษัท ไทยโพลทรีย์กรุ๊ป จำกัด บริษัท ซีเอฟ ฟาร์ม จำกัด บริษัท ทีพีจี ฟิดมิลล์ จำกัด และบริษัท ฉวีวรรณ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตไก่ครบวงจรในภาคตะวันออกและยังเป็นผู้ส่งออกไก่สุกรายใหญ่ของประเทศอีกด้วย

การทำธุรกิจครบวงจรของฉวีวรรณ กรุ๊ป ในวันนี้ประกอบด้วยฟาร์มเพาะเลี้ยงพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ ฟาร์มเลี้ยงไก่ใหญ่ โรงงานอาหารสัตว์ โรงงานผลิต (โรงฆ่า) และโรงทำอาหารสุก 2 โรงในเขตตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่มีมูลค่าการลงทุนไม่น้อยกว่าหมื่นล้านบาท โดยมีมูลค่าการส่งออกเนื้อไก่สุกไปยังหลายประเทศทั่วโลกไม่ต่ำกว่าหลายพันล้านบาทต่อปี

"ที่ประสบความสำเร็จในวันนี้เพราะเรามองว่าการทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ จะต้องมีใจรัก มีความมานะ อดทน มีคุณธรรม-จริยธรรม ปัญหาที่เจอในสมัยก่อนก็มี เพราะประ เทศไทยไม่มีโรงฆ่าสัตว์ทันสมัย ผู้เลี้ยงไก่สมัยก่อนหวังเพียงแต่ผลิตเพื่อขายในประเทศ ซึ่งมันก็มีปัญหาเมื่อพ่อค้าคนกลาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนกดราคา บางวันที่มีไก่มากจะถูกกดราคาจนขาดทุน บางครั้งผลิตไก่ออกมาแล้วขายไม่ได้เพราะไม่มีตลาดของตัวเอง จุดนี้ทำให้เราคิดว่าเราควรจะทำเองให้ครบวงจรจึงเริ่มตั้งบริษัทต่างๆ ขึ้นมารองรับ "

การทำธุรกิจในอดีตที่ต้องพ่วงหน้าที่ความเป็นแม่ซึ่งต้องเลี้ยงดูบุตรชายถึง 2 คน ค่อนข้างเป็นภาระหนักสำหรับผู้หญิงที่ต้องแบกรับการบริหารธุรกิจที่กำลังขยายตัว ในวันนั้นท่านต้องใช้ความอดทนในการเลี้ยงดูบุตรและให้นมบุตรด้วยตัวเองเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับลูกน้อย กระทั่งบุตรชายทั้ง 2 ย่างเข้าวัยรุ่นและจบการศึกษาระดัมมัธยมศึกษา ท่านจึงส่งบุตรชายทั้ง 2 ไปยังประเทศเยอรมันที่มองว่าในอนาคตจะกลายเป็นตลาดสำ คัญของการส่งออกเนื้อไก่ไปจำหน่าย การส่งบุตรชายไปยังประเทศเยอรมัน ไม่ใช่เพื่อศึกษาแต่เป็นการส่งไปเรียนรู้วัฒนธรรมต่างๆ ของประเทศ หลังจากนั้นจึงให้ศึกษาในมหาวิทยาลัยของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่การนำความรู้ที่ได้มาใช้ในธุรกิจที่จะต้องขยายไปต่างประเทศนั่นเอง

"หลักการเลี้ยงดูลูกชาย แม้ไม่มีเวลาเพราะต้องทำงานหนักแต่แม่ก็จะนอนกับลูกจนกระทั่งเขา 5- 6 ขวบ แม่เลี้ยงเขาด้วยความรัก ความอบอุ่น และเน้นเรื่องการศึกษา ซึ่งเป็นธรรมของเด็กผู้ชายที่ต้องไปใช้ชีวิตในต่างประเทศตั้งแต่อายุน้อยๆ มันก็ต้องมีบ้างที่จะรับเอาวัฒนธรรม อารยธรรมที่มีทั้งแปลกๆ และไม่ธรรมดา แต่สุดท้ายเขาก็ยังเป็นคนไทย และจากการที่เราอยู่กับเขามาตั้งแต่เล็ก เมื่อกลับมาเขาก็เป็นคนดีของสัง คม แม่ไม่จำเป็นต้องปรับตัวอะไร แม่เป็นคนไม่กังวลและใช้ชีวิตเรียบง่าย การดูแลบุตรจึงเป็นเรื่องไม่ยุ่งยาก"

ธุรกิจของฉวีวรรณ กรุ๊ป ต้องประสบวิกฤตเศรษฐกิจเช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ เมื่อครั้งที่รัฐบาลประกาศลอยตัวค่าเงินบาท เพราะเงินที่ใช้ในการลงทุนส่วนหนึ่งเป็นเงินจากสถาบันการเงินต่างประเทศ และแม้จะต้องเจอกับภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น ท่านผู้นี้ยังสามา รถยิ้มสู้กับปัญหาได้ โดยพยายามเปิดการค้ากับต่างประเทศเพื่อนำเงินตราเข้าสู่ประเทศ จนสามารถกอบกู้ธุรกิจให้ฟันฝ่าอุปสรรคที่เกิดขึ้น แต่การดำเนินธุรกิจที่ดูเหมือนจะราบรื่นก็ต้องมาประสบปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกอีกครั้งในช่วงต้นปี 2547 คู่ค้าหลายประเทศยกเลิกคำสั่งซื้อเนื้อไก่ดิบจากไทย เพราะไม่มั่นใจเรื่องมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด

โดยตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2547 เป็นต้นมา "ฉวีวรรณ กรุ๊ป" ไม่สามารถส่งออกเนื้อไก่ดิบไปยังต่างประเทศได้ วิกฤตที่เกิดขึ้นทำให้ท่านซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นนายกสมา คมส่งเสริมการเลี้ยงแห่งประเทศไทย ต้องเข้าร่วมประชุมกับหน่วยงานภาครัฐแทบทุกวันเพื่อหาทางแก้ปัญหา และหาทางให้ประเทศคู่ค้าเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลไทยเพื่อหันกลับมาสั่งซื้อไก่ดิบอีกครั้ง โดยคาดว่าในเร็วๆ นี้ ประเทศไทยจะสามารถส่งออกเนื้อไก่ดิบได้ตามปกติ เพราะองค์การอนามัยโลก และองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคได้ยอมรับในการแก้ไขปัญหาของไทยแล้ว

ในครั้งที่ฉวีวรรณ กรุ๊ป ไม่สามารถส่งออกเนื้อไก่ดิบไปยังประเทศคู่ค้าที่เคยมีทั่วโลกได้ นักธุรกิจหญิงเก่งผู้นี้เลือกทางออกที่จะแก้ไขปัญหาด้วยการหันมาผลิตเนื้อไก่สุกเพื่อรักษาตลาดที่มีอยู่เดิมควบคู่กับการขยายตลาดใหม่รองรับความต้องการเนื้อไก่สุกจากไทยที่กำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การเดินทางไปต่างประเทศจึงดูเหมือนเป็นกิจวัตรหลักที่ท่านต้องทำแบบเลือกไม่ได้ แม้ปัจจุบันจะได้บุตรชายทั้ง 2 คน กลับมาช่วยงานในเครือและแบ่งเบาภาระอันหนักที่เคยแบกรับบ้างแล้วก็ตาม ในวันนี้ ฉวีวรรณ กรุ๊ป ได้ทุ่มงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท สำหรับพัฒนาระบบไบโอซิเคียวริตี้ หรือฟู้ดเซฟตี้ภายในโรงงานผลิตไก่สุกทั้ง 2 แห่ง ซึ่งจะใช้น้ำยาฆ่าเชื้อภายในโรงงานแทนการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดนกในไก่ที่ไม่สามารถทำได้เพราะไม่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก และเพื่อให้ตรงตามมาตรฐานสากล

โดยโรงงานผลิตไก่สุกของ ฉวีวรรณกรุ๊ปทั้ง 2 แห่งในเขตอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี มีความสามารถในการผลิตสูงสุด 2 ตันต่อชั่วโมง ถือเป็นโรงงานที่มีกำลังผลิตสูงมากแต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะป้อนตลาดทั้งในและต่างประ เทศ

"ตลาดของเรามีทั้งในยุโรปและเอเซีย และถ้าถามว่าไก่ที่ผลิตกับการส่งออกสมดุลกันไหม ก็ต้องตอบว่าปัจจุบันเราผลิตได้ไม่เพียงพอกับการส่งออก แต่ที่ยังไม่ลงทุนมากก็เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องไข้หวัดนก เราก็ยังคงลงทุนเพื่อพัฒนาฟาร์มเลี้ยงไก่สู่ระบบไบโอซิเคียริตี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงที่เกิดปัญหาตั้งแต่ครั้งเงินบาทลอยตัว ถ้าไม่ใช่ฉวีวรรณ กรุ๊ป คงเสียหายหลายร้อยล้าน แต่เพราะเราปรับแผนและเปลี่ยนการขายทำไก่ดิบให้เป็นไก่สุก ก็เลยสามารถส่งออกไปยังประเทศแถบยุโรป และสามารถผลิตป้อนความต้องการในประเทศไทย โดยวิกฤตทั้ง 2 วิกฤตที่เกิดขึ้นหากพูดถึงเรื่องขาดทุน ก็ต้องบอกว่าขาดทุน แต่ก็ถือว่าน้อยมาก "

หลักธรรม นำชีวิต
"แม่เป็นคนที่มาจากครอบครัวชาวบ้าน และเชื่อถือเรื่องลิขิตของดวงดาว การมีคุณธรรม จริยธรรม ที่สำคัญแม่เป็นคนเคร่งครัดในศาสนา ก็เลยไม่ซีเรียสกับชีวิต จึงเป็นคนที่มีความสุข รู้จักแก้ปัญหา ด้วยปัญญา "…

แม้ในวันนี้ชื่อของ ฉวีวรรณ คำพา จะเป็นที่รู้จักของกลุ่มนักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ แต่ความสุขที่แท้จริงของชีวิตท่านกลับมิใช่อยู่ที่การบริหารธุรกิจจนประสบความสำเร็จ สามารสร้างเงินตราเข้าประเทศปีละหลายพันล้านบาท ท่านบอกว่าการศึกษาหลักธรรม ทำให้ท่านได้ความสงบและค้นพบความสุขในการดำเนินชีวิตที่แท้จริง เพราะสิ่งนี้ทำให้ท่านสามารถดูแลพนักงานของ ฉวีวรรณ กรุ๊ป ที่มีประมาณ 5 คน ให้สามารถทำ งานร่วมกันด้วยความเอื้ออาทร มีน้ำใจ ท่านเชื่อว่าทุกชีวิตมีปัญหา เพียงแต่อยู่ที่จิตของเราต้องมีความหนักแน่น โดยปัญหา จะเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นแนวทางแห่งการแก้ไข จึงไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดบริษัทใหญ่ของประเทศบริษัทนี้ จึงสามาถฝ่าวิกฤตต่างๆ ได้อย่างสวยงามทุกครั้ง...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น